เรื่องของนมแม่ แม่เท่านั้นที่เป็นคนตัดสินใจ

0

            เราคลอดลูกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ส่วนตัวแล้วคิดว่าโรงพยาบาลให้อิสระกับแม่ว่า คุณอยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมอะไร ก็ตามสะดวก (ไม่ได้เป็นโรงพยาบาลสนับสนุนนมแม่แบบชัดเจน  แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องกินนมผง)   เมื่อคลอดออกมา ลูกจะถูกแยกจากแม่อยู่ที่ห้องเด็ก และพยาบาลจะมาพาเราไปให้นมลูกทุก 3 ชั่วโมง ยกเว้นหลังเที่ยงคืน    ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นวอร์ดรวม  ไม่ใช่วอร์ดสูติกรรมหลังคลอดโดยเฉพาะ ดังนั้นการเอาเด็กน้อยออกมาอยู่กับแม่บนวอร์ดเป็นการเสี่ยงกับเชื้อโรคต่างๆมากมาย   ส่วนนี้เราเข้าใจนะว่า โรงพงยาบาลเอกชน ถ้าไม่ใช่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงด้านสูติกรรม  การที่จะให้แยกวอร์ดสูติกรรมออกมาโดยเฉพาะ คงเป็นไปได้ยาก เพราะคนคลอดมีน้อยกว่าคนป่วย ดังนั้นจึงต้องใช้ห้องให้คุ้มค่า (โรงพยาบาลก็มีค่าใช้จ่ายนะเออ  และเอกชนก็ย่อมแสวงหากำไรเป็นเรื่องธรรมดา)

            เราคลอดโดยการผ่าคลอด ดังนั้นใน 1 วันแรกเราจะยังไม่เจอหน้าลูกเลย เพราะจะต้องนอนนิ่งๆ จนหมดฤทธิ์ยา ไหนจะสายน้ำเกลือ สายปัสสาวะที่ระโยงระยางอีกน่ะ     จนเมื่อหมอถอดสายทุกอย่างออกไปจากตัว  เราจึงได้ไปเจอหน้าลูก     ที่ห้องเด็กมีพยาบาลมาคอยสอนการเอาลูกเข้าเต้า (การให้นมลูกจากเต้า)    ปลุกปล้ำกันอยู่นาน คุณลูกก็ไม่ยอมตื่นมากินนมซักที งับหัวนมอมไว้เฉยๆแล้วก็หลับคร่อก   ก็เป็นธรรมดาของเด็กทารกที่หลับเยอะกว่าปกติ และน่าจะเป็นว่าในช่วง 1 วันที่เรายังไม่เจอลูก ได้มีการให้นมผงกับลูกไปเรียบร้อยแล้ว  เด็กน้อยเลยอิ่มไม่ยอมตื่นมาดูดนมแม่  และเป็นช่วงที่น้ำนมแม่ยังไม่ออกมา    คืนนั้นหลังจากที่หมดช่วงให้นมลุก เราได้พยายามใช้เครื่องปั้มนม ปั้มกระตุ้นให้น้ำนมมา เพราะคิดว่าก็ยังดีกว่านั่งรอลูกดูดเฉยๆ    จนแล้วจนรอด  จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล ลูกก็ยังไม่ยอมดูดนมเรา  ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างนั้นมีการป้อนนมผงไปเรียบร้อยแล้ว  โดยการใช้หลอดหยดค่อยๆหยด   ตอนนั้นนมเรายังไม่ออกมา จนน้องพยาบาลคนหนึ่งมาดูเต้านมของเรา และทำการนวดกระตุ้นให้  ปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง นมพุ่งยังกับน้ำเลย น้องให้เหตุผลว่า นมมาแล้วแหละแต่ไม่ยอมออก  เมื่อเรานวดกระตุ้นให้เต้านิ่ม  น้ำนมก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น  ซึ่งก็เป็นเวลาที่เราออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านพอดี

            ก่อนกลับบ้านมีการเจาะหาค่าตัวเหลือง  ลูกเรามีอาการตัวเหลือง มีค่าอยู่ที่ 8  ตอนนั้นวิตกมาก  ก็ได้รับคำแนะนำว่า เมื่อกลับบ้านก็พยายามให้ลุกดูดนมทุกๆ 2 ชั่วโมง  แต่ถ้านมยังไม่มา ก็เอานมผงชงให้กินไปก่อน  เพราะควรจะจัดการเรื่องตัวเหลืองให้จบก่อน  (สารเหลืองสามารถกำจัดออกได้ ทางอึของทารก  จึงต้องให้กินนมเยอะๆและอึออกมา   การกินน้ำไม่ช่วยขับสารเหลืองแต่อย่างใด ) ซึ่งเราก็เลือกวิธีการนั้น โดยการชงนมผงให้กิน  และปั้มนมกระตุ้นไปเรื่อยๆ  แต่ในที่สุดลูกก็ไม่ยอมดูดนมจากอก เราเลยตัดสินใจปั้มใส่ขวดให้กินแทน ละในที่สุด เราก็กลายเป็น Pumpping Mom โดยสมบูรณ์ ปั้มนมแม่ใส่ขวดให้ลูกกินเท่านั้น

            หลายๆคนที่เจอสถานการณ์แบบเรา ก็คงตัดใจให้ลูกกินนมผงไปเลย  ส่วนใหญ่จะไม่ปั้มนม และก็จะเข้าใจว่า ตัวเองไม่มีน้ำนมเลี้ยงลูก     แต่สำหรับเรา  เราคิดแบบนั้น ก็ด้วยตรรกะที่เราคิดนั่นแหละ ว่า “ ลูกคนก็ต้องกินนมคน  อะไรที่ธรรมชาติสร้างมาคู่กัน สิ่งนั้นมันย่อมจะดีที่สุด “     ยิ่งถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนความรู้ที่ดีจากโรงพยาบาลที่คลอดแล้วด้วย ก็จะยิ่งหันไปหานมผงมากขึ้น    บางคนพาลโทษโรงพยาบาลไปเลยว่า   ทำไมไม่สอนการให้นม  / แย่นะที่แยกแม่แยกลูก ไม่ยอมเอาเด็กมาให้แม่เลี้ยง  มาอ้างว่ากลัวเชื้อโรค นี่ นั่น โน่น กลับบ้านไปเด็กก็เจอเชื้อโรคอยู่ดี    (เชื้อโรคที่บ้านกลับทีโรงพยาบาล เราว่าเชื้อโรคที่โรงพยาบาลมันแย่กว่านะ )  /  โรงพยาบาลได้ % ค่านมผงละสิ  ถึงแจกนมผงกลับมา

            แต่สำหรับเรา  เราคิดว่าความรู้มันมีอยู่ทุกที่  ขึ้นอยู่กับเราจะแสวงหาวิธีการ   ตราบใดที่คุณมีโทรศัพท์มือถือ เข้าเฟสบุ๊คได้ นั่นแปลว่าคุณเองก็สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยวิธีง่ายๆเช่นกัน   เราไม่รอให้โรงพยาบาลมานั่งสอนเพียงอย่างเดียว     และการที่เราจะเลี้ยงลูกด้วยนมอะไรนั้น มันก็อยู่ที่เรา   เราโดนแยกแม่ลูก  โดนป้อนนมผง  ได้รับแจกนมผง  แต่เราก็ยังตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่      คนรู้จักของเราบางคนได้คลอดที่โรงพยาบาลระดับโรงเรียนแพทย์ ได้รับการสอนเรื่องการให้นมแม่เป็นอย่างดี   แต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลมา  เค้าก็เลือกที่จะซื้อนมผงให้กับลูก  ด้วยข้ออ้างง่ายๆว่า  “ไม่มีน้ำนม”  (ที่ไม่รู้ว่า ไม่มีเพราะไม่พยายามให้มี  หรือว่าเป็นแค่ข้ออ้างก็ตาม)

            ดังนั้นการที่แม่คนหนึ่งจะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้หรือไม่ก็ตาม  ความรู้ความเข้าใจ ความสามารถมันเป็นเพียงองค์ประกอบย่อยเท่านั้น   แต่ปัจจัยหลักเลยก็คือ ตัวแม่เอง  เพราะถ้าแม่มีความตั้งใจแล้ว ต่อให้ยากลำบากขนาดไหนก็ย่อมจะแสวงหาวิธีมาจนได้  แต่หากว่าหัวใจไม่แม่เอาแล้ว ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญที่ดีอยู่ข้างกาย ถึงอย่างไรเค้าก็ทำไม่ได้อยู่ดี

Share.

About Author

mutidha@gmail.com'

Comments are closed.