บูรณะสิวอย่างไรไม่ให้จิตตก

0

ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงการล้างหน้าเพื่อป้องกันสิวมาแล้ว  เพราะเราเชื่อว่าปัญหาหลักๆของการเกิดสิวนั้นมาจากการที่เราล้างหน้าไม่สะอาด   แต่ถ้าตอนนี้เรามีสิวมาเป็นสมบัติของตัวเองแล้วล่ะ เราจะทำอย่างไร

สิว……เม็ดเล็กๆ ที่ชอบสร้างปัญหาใหญ่ๆให้เรา

เมื่อสิวมาเยือนบนใบหน้า หลายๆคนก็เลือกที่จะไปคลินิกเสริมความงามหรือไปพบแพทย์ผิวหนัง    แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ใจกล้า เลือกที่จะบูรณะผิวหน้า กำจัดสิวเอง …..

ซึ่งวิธีการกำจัดสิว รักษาสิวด้วยตัวเองนั้นก็มีมากมายหลายวิธี  สามารถค้นคว้าหากันได้ทางอินเตอร์เน็ต วิธีการหลักๆก็คือการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน จากนั้นทายาละลายหัวสิว รอจนสิวพากันขึ้นมาเปล่งปลั่งเบิกบานบนใบหน้า แล้วเราก็กดมันออก เป็นอันจบวงจรชีวิตของสิว 1 เม็ด

แต่กว่าจะถึงวันที่เราจะฆาตกรรมสิวเม็ดนั้นได้  มันมีผลข้างเคียงต่างๆที่ไม่ค่อยจะพึงประสงค์ตามมาอยู่เนืองๆ    ไม่ว่าจะเป็นการพร้อมใจกันผุดขึ้นมาจนเต็มหน้า แล้วก็พากันอักเสบ T_Tไหนผิวหน้าจะแห้งกร้านจนคันและแสบยุบยิบ   เพราะยาละลายหัวสิวทุกชนิด มีคุณสมบัติเป็นกรดทั้งนั้น     รวมถึงการห้ามแต่งหน้าและทาครีมบำรุงในช่วงที่เรากำลังกำจัดสิว   ซึ่งบางคนมีความจำเป็นที่จะต้องแต่งหน้าทุกวัน  และใช้หน้าในการทำงาน แบบนี้จะทำอย่างไร

วันนี้เราจึงของนำเสนอวิธีการ บูรณะสิวอย่างไรไม่ให้จิตตก กัน

ปกติแล้วเราจะทาครีมละลายสิวลงไปทีเดียวทั่วใบหน้า ซึ่งมันจะผลักสิวขึ้นมาพร้อมๆกัน   แต่ว่าแต่ละเม็ดนั้นมันสุกไม่พร้อมกัน และระหว่างนั้นอาจจะเกิดการอักเสบ ทำให้หน้าเราเยิน  ระหว่างนี้หละ จิตตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว   เราจะแก้ง่ายโดย…..

ให้ทายาละลายสิว เป็นโซนๆ อย่าทาทั้งหน้า  หรือถ้าสิวไม่มากนัก ก็ใช้วิธีแต้มที่ตัวสิวเลยตรงๆทีละเม็ด   เพื่อให้สิวผุดขึ้นมาเฉพาะบริเวณที่เราต้องการและค่อยๆผุด  ซึ่งสิว 1 ชุดนี้ถ้ามีไม่มาก อาจจะใช้เวลาแค่ 1 อาทิตย์ในการกำจัดสิวสุกๆออกไปให้หมด   แต่ถ้ามีเยอะและใช่เวลานานกว่านี้  การที่สิวขึ้นแค่ตำแหน่งเดียว ก็จะไม่สร้างความบอบช้ำให้กับใบหน้า (และจิตใจ) เรามากนัก  เมื่อหมดแล้วค่อยย้ายโซนไปทำแบบนี้กับโซนอื่นๆ

การค่อยๆผลักสิวทีละส่วนแบบนี้ นอกจากจะทำให้สิวขึ้นมาในปริมาณที่เรารับได้แล้ว   เรายังไม่ต้องทายา ที่มีฤทธิ์เป็นกรดลงไปทีเดียวทั้งหน้า  ผิวหน้าจะไม่ระคายเคืองและบอบช้ำมากนัก  ไม่เจ็บจากการอักเสบพร้อมๆกัน  ถ้าเราทนเจ็บไหว ก็ไม่จำเป็นต้องกินยาแก้ปวด หรือยาปฎิชีวะนะช่วย   รวมถึงยังคงแต่งหน้าได้ตามปกติ (บางคนบางอาชีพ มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งหน้าทุกวัน)

แต่ถ้าใครใจร้อน คิดว่าวิธีแรกละมุนละม่อมมากเกินไป อยากจะกำจัดสิวยกยวงกันออกไปเลยทีเดียว    ก็สามารถทาครีมลงไปทั้งหน้าได้ แต่…..ไม่ควรจะทาทุกวันติดๆกัน เพราะว่าจะทำให้ผิวแห้งมากเกินไป  ซึ่งจะทำให้สภาพผิวหนังไม่แข็งแรง

ยาทาก่อนล้างหน้า ใช้วิธีทาเช้า – เย็น ในช่วงสัปดาห์แรก แต่ละครั้งไม่ควรใช้เวลานาน จนรู้สึกแสบหน้า ประมาณ 5 นาทีก็พอ (ถ้าใครผิวบอบบางก็ลดเวลาลงได้อีก)  จากนั้นลดเวลาลง เหลือแค่เฉพาะตอนเย็นพอ

ยาทาก่อนนอน จำพวกกรดวิตามินเอ  ให้ทาบางๆ วันเว้นวัน เพื่อให้ผิวได้มีโอกาสพักและปรับตัวบ้าง  ในวันที่ทายา ให้ทายาก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อยลงสกินแคร์   โดยเลือกเป็นสกินแคร์ประเภทเจลที่ให้ความชุ่มชื่น เช่นเจลว่านหางจระเข้ เจลหอยทากต่างๆ  เพียงแค่นั้นก่อน หรือจะใช้เป็น Sleepping mask ที่ให้ความชุ่มชื่นเพียงตัวเดียวเลยก็ได้ และไม่ควรลงสกินแคร์หลายชนิด เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระกับผิวมากนัก  อย่าลืมว่าในช่วงนี้ผิวเราอ่อนแออยู่   เพราะผิวที่โดนยาสิวจะแห้งและลอก เราจึงต้องเติมความชุ่มชื่นลงไป      ส่วนในวันที่ไม่ได้ทายา  ก็ให้ใช้เป็นสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นที่เข้มข้นกว่าเจล อาจจะอยู่ในรูปแบบของครีม หรือว่า Sleepping mask ที่ให้ความชุ่มชื่น

กลางวันอย่าลืมทาครีมกันแดดด้วย อันนี้สำคัญมาก อย่างที่บอกว่า ช่วงนี้ผิวเราอ่อนแอ และการใช้ยาสิวจะทำให้ผิวเราไวแดดขึ้น  บางคนทาครีมกันแดดแล้วตอนเที่ยงเดินออกไปทานข้าวจะกางร่มแล้วใช้ผ้าปิดปากด้วยก็จะดีมาก

วิธีการดังกล่าวจะช่วยพยุงสภาวะผิว ที่แห้งลอกและอักเสบ ให้ดีขึ้น และสภาพผิวไม่เลวร้ายมากนัก  เพราะบางคนมีความจำเป็นที่จะต้องแต่งหน้าทุกวัน

วิธีการดังกล่าวที่บอกมานี้ อาจจะใช้เวลาโดยรวมในการรักษาสิวนานกว่า การใช้ยาสิวอย่างเดียว แล้วงดการแต่งหน้าไปเลย จากนั้นเมื่อสิวหายแล้วจึงมารักษาสภาพผิวต่อ  เพราะเป็นการกำจัดสิวแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ

เทคนิคอีกอย่างนึงคือ  ถ้าหากใครมีสิวไม่มากนัก และเป็นเม็ดสิวแบบเห็นเด่นชัด ก็อาจจะใช้วิธีทาสกินแคร์บำรุงลงไปก่อนก็ได้  จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำเช็ดสกินแคร์เฉพาะตรงหัวสิวออก แล้วค่อยแต้มยาละลายหัวสิวลงไปก็ได้

สกินแคร์ที่ใช้ในช่วงนี้ควรจะเป็นชนิดเพิ่มความชุ่มชื้น + สมานผิว และเป็นสิ่งที่เรามี หรือเคยใช้มาอยู่แล้ว ยังไม่ควรจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในช่วงนี้ เพราะอาจจะทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายกว่าปกติค่ะ

Share.

About Author

fhon.nux@gmail.com'

Leave A Reply