ส่าไข้ หรือโรคหัดกุหลาบ (ROSEOLA INFANTUM) ……เป็นโรคที่พบมากในเด็กอายุระหว่าง 6-24 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีระดับภูมิต้านทานที่ต่ำลง (เพราะว่าเริ่มกินนมแม่น้อยลง) เกิดจากเชื้อ Human Herpesvirus 6 หรือHHV-6 ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน 39.4-41.2°C แต่ว่าไม่ซึมยังเล่นได้ดี อาการอื่นที่อาจพบเช่นน้ำมูกเล็กน้อย เจ็บคอ ทานได้น้อย ถ่ายเหลว หนังตาบวม ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ตรวจร่างกายอาจพบ คอแดงและเยื่อแก้วหูแดงเล็กน้อย สิ่งที่ต้องระวังคือ อาการชักเนื่องจากไข้ขึ้นสูง โดยจะมีไข้อยู่ประมาณ 3-4 วัน จากนั้นไข้จะลดลง และจะมีผื่นแดงขึ้นกระจายที่ลำตัว แขน ขา ใบหน้า ลำคอ โดยที่ไม่มีอาการคัน จากนั้น 3-4 วัน ผื่นก็จะหายไปเอง โดยไม่มีรอยแผลเป็นแต่อย่างใด
การรักษา แพทย์จะวินิจฉัยและให้ยาตามอาการ เช่นให้ยาลดไข้สูง ให้ยากันชักในผู้มีประวัติชัก หรือมีภาวะเสี่ยงที่จะชัก จากนั้นก็จะเฝ้าติดตามอาการเป็นระยะ และโรคนี้เป็นโรคที่หายได้เอง
(อ้างอิงข้อมูลจาก www.thaibreastfeeding.org )
ข้อแตกต่างระหว่างผื่นส่าไข้ หัด และอีสุกอีใส
ส่าไข้ : จะเกิดผื่นแดงขึ้นหลังจากที่ไข้ลดลงแล้วเท่านั้น มีลักษณะเป็นจุดแดง ไม่มีอาการคัน
หัด : จะมีผื่นขึ้นในระหว่างที่ยังเป็นไข้ (ประมาณวันที่ 4 ) ผื่นของหัดจะขึ้นจากตีนผม ซอกคอก่อน แล้วลามไปตามใบหน้าลำตัวและแขนขา เมื่อหายแล้วจะพบรอยดำจางๆของผื่นหลงเหลืออยู่บ้าง
อีสุกอีใส :ผื่นจะขึ้นในวันที่ 1-2 ของการเป็นไข้ โดยจะเป็นผื่นแดงราบก่อน แล้วจึงกลายเป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนอง
(อ้างอิงข้อมูลจากth.wikipedia.org)
ข้อควรระวังเมื่อเป็นส่าไข้ คือการชักเนื่องจากไข้สูง เมื่อพบว่าเด็กเป็นไข้สูง ให้รีบเช็ดตัวเพื่อลดไข้ หากวัดไข้แล้วสูงมากกว่า 38.5 ควรรีบไปพบแพทย์ )
นอกจากนี้เรายังพบความเชื่อต่างๆเกี่ยวกับเรื่องส่าไข้อีกด้วยคือ
- ความเชื่อ : ส่าไข้ คืออาการที่มีผื่นสีแดงขึ้นที่ลำตัวหลังจากที่ป่วยเป็นไข้ เมื่อผื่นนี้ขึ้นมาแสดงว่าใกล้จะหายแล้ว และเป็นได้หลายครั้ง
ความจริง : ส่าไข้เกิดจากเชื้อไวรัส Human Herpesvirus 6 หรือHHV-6 เมื่อได้รับเชื้อนี้แล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันจะไม่ป่วยด้วยเชื้อตัวนี้ซ้ำอีก
- ความเชื่อ : เป็นส่าไข้ต้องกินยาเขียว เพื่อขับผื่นออกมาให้หมด
ความจริง : การวินิจฉัยโรคส่าไข้นั้น เป็นการรักษาตามอาการ และติดตามอาการ ดังนั้นกว่าที่เราจะทราบว่าเป็นส่าไข้จริงๆ ก็ต่อเมื่อไข้ลดและออกผื่นแล้ว ซึ่งก็เป็นระยะครบวงจรของโรคแล้ว และการออกผื่นก็ไม่ได้มีอาการคันใดๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกินยาเขียวเพื่อช่วยขับผื่น ผื่นสามารถหายได้เองในระยะเวลา 3-5 วัน
“ในเด็กเล็กนั้น เมื่อเกิดความเจ็บป่วยใดๆขึ้นมา ไม่ควรวินิจฉัยและรักษาเอง เพราะอาการของโรคหลายๆโรคนั้น คล้ายคลึงกัน ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดค่ะ”