เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่วันหยุดยาว เราได้ไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อจะไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่จัดจะขึ้นที่โรงแรมหรูในกรุงเทพ ก็เป็นธรรมดาของคนบ้านนอกอย่างเราที่ไม่เคยไปงานแบบนี้ การเลือกเสื้อผ้าให้ถูกกาลเทศะ และต้องดูดีด้วยมันเป็นโจทย์ที่ยากพอควร แถมงานนี้ยังต้องมีค่าใช้จ่ายพอประมาณด้วย
เราเลือกเสื้อผ้าหลายร้าน จนมาเจอร้านที่ถูกใจ ราคาถือว่าระดับกลางๆไม่แพงไม่ถูก (จากการหาข้อมูลเรื่องราคา คุณภาพ กาลเทศะ และ budgetที่เรามี ) แต่ร้านนี้อาจจะดูแปลกสักหน่อยในสายตาของคนทั่วไปคือห้ามลองเสื้อถ้าคุณไม่ซื้อ !!!! ……
หลายๆคนคงเลือกที่จะเดินออกจากร้านไปเลยทันทีที่ได้ยินเจ้าของร้านพูดประโยคนี้แต่เรากลับรู้สึกว่าโชคดีมากที่ไม่เดินออกไป เพราะเรื่องราวต่อๆมาที่เจ้าของร้านพูด ทำให้เราฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่า จริงๆแล้วคำว่าสิทธิมันคืออะไรกันแน่
เจ้าของร้านบอกกับเราว่า เลือกแบบไปเลยตามสบาย เอาให้พอใจ ระหว่างนั้นก็มีการแนะนำเสื้อผ้าหลายชุดว่าเราเข้ากับแบบไหน ชุดไหนมีจุดเด่นลูกเล่นยังไง ซักถามถึงสถานที่จัดงาน รูปแบบงาน เพื่อประกอบในการหาชุด สำหรับเรานี่คือการบริการที่ดีมาก เพราะเราเองไม่เคยไปงานแบบนี้ ถึงจะหาข้อมูลมาบ้างแต่ก็ยังไม่มั่นใจ
ระหว่างนั้นเจ้าของร้านก็เล่าว่า ที่ไม่ให้ลูกค้าลองเสื้อ เพราะลูกค้าบางคนกินกล้วยทอดแล้วมือเปื้อน แต่ก็เอามือมาจับเสื้อผ้าเลยโดยที่ไม่เช็ด ทำให้ชุดเปื้อน ทางร้านจึงแจ้งให้รับผิดชอบ แต่ลูกค้ากลับบอกว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรเลย (ทั้งๆที่ร้านมีกล้องวงจรปิด จับภาพไว้ได้ ) บางครั้งลูกค้าใส่น้ำหอมมา เมื่อลองเสื้อก็จะทำให้กลิ่นติดอยู่ (ลูกค้าหลายคนไม่ชอบ เพราะเหมือนกับว่าเราไปใส่เสื้อผ้าของคนอื่นที่ใช้แล้ว) ไม่นับคราบโรลออน คราบเหงื่อ กลิ่นเหงื่อ ต่างๆมากมาย ซึ่งที่ร้านนี้เป็นร้านขายชุดราตรี หากชุดเปื้อนก็ต้องไปส่งซักแห้ง ราคาไม่ใช่ถูกๆ รวมถึงเสื้อผ้าชุดนั้นก็จะไม่ใช่ของใหม่ เหมือนกับเป็นของมีตำหนิไปแล้ว จะขายในราคาเดิมแล้วใครจะซื้อ (แล้วต้นทุนที่ร้านต้องแบกรับเพิ่มล่ะ แน่นอนว่ามันเพิ่มขึ้น) ถ้าร้านไม่ทำความสะอาดชุดแล้วปล่อยทิ้งไว้ ลูกค้าคนอื่นที่มาลองเสื้อ ก็คงไม่เลือกชุดเปื้อนๆนั้นเหมือนกัน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าขายชุดนั้นไม่ออก เจ้าของร้านไม่อยากมีปัญหากับลูกค้า จึงตัดปัญหาด้วยการแจ้งลูกค้าแต่แรกเลยว่า ลองไม่ได้ถ้ายังไม่ตัดสินใจซื้อชุดนั้น แต่เจ้าของร้านก็เพิ่มในส่วนของการบริการ ช่วยเราเลือกชุดเป็นอย่างดี (ในข้อนี้เราโชคดีที่เจ้าของร้านเก่งมาก แค่มองด้วยตาก็รู้ว่า เราควรจะใส่ชุดแบบไหน ใส่แล้วสวยอย่างไร ที่เมื่อเราได้ลองชุดแล้ว ก็เป็นอย่างที่พูดจริงๆ )
เมื่อเราตัดสินใจว่าเอาชุดนี้แน่ๆ เจ้าของร้านจึงให้เราไปลองชุด เพื่อทำการปรับแก้ในส่วนที่ไม่พอดีให้ เข้าของร้านการันตีเลยว่าถึงไม่ให้ลอง แต่เราสามารถทำให้คุณได้ใส่ชุดสวยได้แน่นอน …… เจ้าของร้านตบท้ายมาอีกว่า ที่ทำแบบนี้ ก็เพราะอยากให้ลูกค้าได้ของดีจริงๆกลับไป
ชุดของเราต้องมีการปรับแก้ จึงต้องไปรับชุดอีกครั้งวันถัดไป ซึ่งคราวนี้เราไปกับเพื่อน และต้องการไปซื้อชุดอื่นเพิ่มเติมอีก ระหว่างที่เลือกเสื้อกัน เพื่อนก็หยิบมา 2-3 ชุดแล้วส่งให้เรา แล้วบอกว่าไปลองใส่มา จะได้ดูกันว่าใช้ได้หรือไม่ เราจึงหันไปมองแม่ค้าแล้วพูดว่า ลองไม่ได้ใช่มั้ยคะ (อันนี้คือรู้อยู่แล้วว่าลองไม่ได้ ) ส่วนตัวของเราเองนั้นในการซื้อเสื้อผ้าทุกครั้ง เราจะถามเจ้าของร้านก่อนเสมอว่า ลองใส่ชุดได้หรือไม่ เพื่อเป็นการขออนุญาตไปในตัวด้วย ……..ในสถานการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนเราอย่างมากที่ทางร้านไม่ยอมให้ลองเสื้อ จนถึงกับเดินออกจากร้านไปเลย
เมื่อมาคุยกันตอนหลัง เพื่อนบอกว่าทำไมไม่ซื้อร้านอื่น ซื้อเสื้อผ้าออกงานมาทุกร้านจนจะตั้งร้านขายเองได้อยู่แล้ว ไม่มีร้านไหนไม่ให้ลองเลย เงินของเรา เราจะซื้อทำไมเราไม่มีสิทธิลองชุดก่อน ….. พูดแล้วพาลมองว่าเราโง่ไปซะอีก ( และในความจริงที่เพื่อนไม่ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งคือ ท้ายที่สุดเจ้าของร้านให้เราลองเสื้อได้ เพราะว่าเราเคารพในเงื่อนไขการขายของเค้า แต่เราก็ยังลองเฉพาะชุดที่เราซื้อเท่านั้นอยู่ดี )
จากเรื่องนี้ …….เหตุและผล ของการไม่ให้ลองชุดนั้นแม่ค้าได้บอกเอาไว้หมดแล้ว สิทธิของเราคือ เราสามารถเลือกชุดได้จนกว่าจะพอใจ หากต้องการลองชุดจริงๆ ถ้าชุดเสียหายเราก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้น
เรามีสิทธิที่จะเลือกซื้อ แต่เราไม่มีสิทธิที่จะไม่รับผิดชอบหากเราทำของเสียหาย เพราะการที่เราไม่รับผิดชอบนั้น เท่ากับว่าเราได้ละเมิดสิทธิของคนอื่นเช่นกัน
ตราบใดที่เราไม่จ่ายเงิน ชุดๆนั้นก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของแม่ค้า ไม่ใช่ของเรา เป็นเพราะลูกค้าคงอื่นเคยไปละเมิดสิทธิของแม่ค้ามาก่อน ทำให้แม่ค้าต้องออกมาปกป้องสิทธิของตัวเองบ้าง และเมื่อสิ่งนี้ยังไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา เมื่อเราจะหยิบหรือจะทำอะไรก็ตาม เราควรเอ่ยปากขออนุญาตหรือแจ้งให้แม่ค้าทราบก่อนที่เราจะทำ เพราะนี่คือมารยาทที่ดี เป็นการเคารพสินค้า เคารพผู้อื่น และเคารพตัวเองด้วย
เพิ่มเติมนิดนึงเรื่องการลองชุดค่ะ ว่าทำไมหลายๆร้านเค้ายอมให้เราลองชุดได้ตามสบาย นั่นเป็นเพราะว่ามีการบวกค่าดูแลชุดลงไปในราคาสินค้าแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าลูกค้าจะทำเปื้อนก็ไม่เป็นไร ร้านสามารถส่งไปซักแห้งหรือส่งเคลมกับโรงงานที่ผลิตได้ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้สินค้าในราคาที่สูงขึ้นมาอีกหน่อย รวมถึงตัวเราเองก็เป็นส่วนนึงในการจ่ายค่าดูแลชุดให้กับคนอื่นๆด้วย (เพราะบวกในราคารวมไปแล้ว ) หรืออีกแบบหนึ่งเลยก็คือ ร้านไม่ได้ซักหรืออะไรกับชุดที่เปื้อน แต่เราในฐานะลูกค้าลำดับถัดมาก็ต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ให้ได้นั่นเองว่า ชุดอาจจะมีกลิ่น มีรอยเปื้อน (ซึ่งคงไม่เป็นปัญหาอะไรถ้าเราไม่ได้ใช้ชุดด่วน หรือมี budgetในการส่งซักแห้งอยู่แล้ว )
เรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจว่า ในการรักษาสิทธิของเรา เราก็ควรระวังอย่าให้สิทธิของเรา ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นด้วยค่ะ ^_^